อ่านฉลาก เลือกซื้ออย่างฉลาด

ThaiSook I 2566

การรับรู้ข้อมูลทางโภชนาการของอาหารที่เราบริโภคจะช่วยให้เรารักษาสมดุลทางโภชนาการได้อย่างง่ายดาย โดยเราสามารถทราบปริมาณสารอาหารและค่าทางโภชนาการที่เหมาะสมในแต่ละวันได้ จากการรับรู้เกี่ยวกับธาตุอาหารหลัก ซึ่งประกอบด้วยโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน รวมถึงวิตามินและแร่ธาตุอื่นๆ ที่มีบทบาทสำคัญต่อร่างกายของเรา

ในกรณีของอาหารทั่วไป เช่น ข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว และอาหารตามสั่ง ถ้าเรารู้ว่าอาหารเหล่านี้มีส่วนผสมหรือวัตถุดิบอะไรบ้าง เราสามารถประเมินได้ว่ามีปริมาณสารอาหารและค่าทางโภชนาการเท่าไหร่ และสามารถคำนวณปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับจากอาหารเหล่านี้ได้

แต่สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป เช่น อาหารแห้ง อาหารที่แช่แข็ง และเครื่องดื่มรวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ จำนวนมาก อาจจะยากที่จะรู้ว่ามีปริมาณสารอาหารและส่วนผสมอะไรบ้างในผลิตภัณฑ์เหล่านี้ โดยเฉพาะเมื่อไม่มีป้ายกำกับหรือป้ายสารอาหารที่ชัดเจน

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยากระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดให้มีการแสดงฉลากโภชนาการตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 182) พ.ศ. 2541 เพื่อแสดงคุณค่าทางโภชนาการของผลิตภัณฑ์อาหารแก่ผู้บริโภค ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภคมีความรู้และสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับความต้องการของตนได้

อาหารที่ต้องแสดงฉลากโภชนาการ ได้แก่

  1. อาหารที่มีการกล่าวอ้างทางโภชนาการ
  2. อาหารที่มีการให้คุณค่าทางโภชนาการในการส่งเสริมการขาย
  3. อาหารที่ระบุกลุ่มผู้บริโภคในการส่งเสริมการขาย
  4. อาหารอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาประกาศกำหนด

ฉลากโภชนาการคืออะไร?

ฉลากโภชนาการ คือ ฉลากอาหารที่มีการแสดงข้อมูลโภชนาการ ซึ่งระบุชนิดและปริมาณสารอาหารของอาหารนั้นอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยม ที่เรียกว่า “กรอบข้อมูลโภชนาการ” ซึ่งมีอยู่ 2 รูปแบบ ได้แก่ แบบเต็ม และแบบย่อ

1. ฉลากโภชนาการแบบเต็ม เป็นฉลากที่แสดงชนิดและปริมาณสารอาหารที่สำคัญที่ควรทราบ 15 รายการ ดังตัวอย่าง สำหรับฉลากที่มีความสูงจำกัด สามารถแสดงฉลากโภชนาการเต็มรูปในลักษณะแบบแนวนอนหรือแบบขวางตามที่ประกาศกระทรวงสาธารณสุข

2. ฉลากโภชนาการแบบย่อ ใช้ในกรณีที่สารอาหารตั้งแต่ 8 รายการ จากจำนวนที่กำหนดไว้ 15 รายการนั้นมีปริมาณน้อยมากจนถือว่าเป็นศูนย์ จึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องแสดงให้เต็มรูปแบบซึ่งระบุชนิดและปริมาณ

วิธีอ่านฉลากโภชนาการ

  1. ดูที่ปริมาณหนึ่งหน่วยบริโภค เพื่อดูว่าในแต่ละครั้งไม่ควรรับประทานมากกว่านี้ และหากรับประทานมากเป็น 2 เท่าของปริมาณที่แสดง จะได้รับพลังงานและสารอาหารต่างๆ เป็นสองเท่า
  2. ดูที่จำนวนหน่วยบริโภคต่อซอง เพื่อดูว่าซองนี้ ควรแบ่งกินกี่ครั้ง
  3. จำกัดการรับประทานไขมันทั้งหมด ไขมันอิ่มตัว คอเลสเตอรอล และโซเดียมในแต่ละวันไม่ควรเกิน 100 %
  4. ใยอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ มีประโยชน์ต่อร่างกาย ควรรับประทานให้ได้วันละ 100%
  5. เพื่อความสะดวกในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับตนเอง ควรสังเกตสารอาหารที่ต้องจำกัด ได้แก่ พลังงาน น้ำตาล ไขมัน โซเดียม

ประโยชน์ที่ได้จากการอ่านฉลาก

  1. เลือกรับประทานให้เหมาะสมกับความต้องการของตนเองได้ เช่น หากกำลังควบคุมน้ำหนักควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีพลังงานน้อย ๆ
  2. หลีกเลี่ยงสารอาหารที่ไม่ต้องการ หรือสารอาหารที่ต้องจำกัดการบริโภค เช่น เป็นเบาหวานต้องระวังน้ำตาล เป็นความดันโลหิตสูงต้องระวังโซเดียม มีไขมันในเลือดสูงต้องระวังไขมัน
  3. เปรียบเทียบเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารชนิดเดียวกัน โดยเลือกยี่ห้อที่มีคุณค่าทางโภชนาการดีกว่าได้

อ้างอิง

  • สำนักงานอาหาร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข (2561). คู่มือรณรงค์ให้ความรู้เรื่องฉลากโภชนาการแบบ จีดีเอ. สืบค้นจาก https://www.fda.moph.go.th/sites/food/KM/label/04_Manual.pdf