งดน้ำตาลแล้วหงุดหงิด จริงหรือคิดไปเอง?

          ทุกท่านเคยรู้สึก หรือเคยเห็นคอนเทนต์ที่อยู่บนช่องทางโซเชียลมีเดียหรือไม่ ที่ว่าลองงดน้ำตาลแป๊บเดียวทำให้เกิดอาการหงุดหงิดง่ายกว่าปกติ บางคนก็ว่าเป็นแค่จิตใจของเราเอง แต่ก็มีบางคนก็เชื่อว่าน้ำตาลมีผลต่ออารมณ์จริง ๆ แล้วความจริงคืออะไรกันแน่ เราได้รวบรวมข้อมูล และสรุปให้แล้ว มาดูกันว่า งดน้ำตาลแล้วหงุดหงิด จริงหรือคิดไปเอง?

ทำไมคนไทยถึงติดหวาน?
          ก่อนจะไปหาคำตอบ มาทำความเข้าใจกันก่อน ทำไมคนไทยถึงติดหวานกัน นั่นเป็นเพราะเวลาที่กินของหวาน ไม่ว่าจะน้ำอัดลม ขนม ชานมไข่มุก หรืออื่นๆ หลายคนจะรู้สึกอารมณ์ดี สดชื่น หายเหนื่อย หายเครียด นั่นเป็นเพราะว่าร่างกายได้รับพลังงานอย่างรวดเร็ว ซึ่งการกินอาหารรสหวานจัด หรือของหวานเป็นประจำ อาจทำให้เกิดอาการติดหวานได้ อาการของคนติดหวาน คือ ชอบกินขนมหวานระหว่างวัน ดื่มเครื่องดื่มรสหวาน และไม่ค่อยดื่มน้ำเปล่า มีอาการหิวบ่อย เวลากินอาหาร หรือเครื่องดื่มจะต้องเติมน้ำตาล หากไม่ได้กินหวาน ก็จะรู้สึกเหนื่อยล้า และหงุดหงิด

แล้วทำไมเราถึงต้องงดรสหวาน?
          จากเมื่อกี้เราพูดถึง ทำไมคนไทยถึงติดหวานกัน ก็ดูจะเป็นเรื่องที่ดี เป็นการช่วยให้รู้สึกอารมณ์ดี สดชื่น หายเหนื่อย หายเครียด แล้วทำไมเราถึงต้องงดรสหวาน นั่นเป็นเพราะว่าหากเราได้รับน้ำตาลที่มากเกินไป โดยเฉพาะน้ำตาลเชิงเดี่ยว จะเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้มีระดับน้ำตาลในเลือดที่สูง ซึ่งเป็นสาเหตุให้กระดูก และฟันไม่แข็งแรง ภาวะเลือดเป็นกรด ความดันเลือดสูง ง่วงนอนง่ายขึ้น อ้วนน้ำหนักเกิน ทำให้แก่เร็ว และยังเสี่ยงเป็นโรค NCDs ต่าง ๆ อีกด้วย (อันตรายจากการกินน้ำตาล) ซึ่งน้ำตาลอาจส่งผลเสียต่อร่างกายก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องงดเลย แค่เลือกกินให้พอดี ก็ลดความเสี่ยงโรคได้เหมือนกัน

แล้วการงดน้ำตาลทำให้หงุดหงิด จริงหรือไม่?
          หากเราลด หรืองดการกินน้ำตาล จากที่เคยติดหวานมาก ๆ แล้วหักดิบไม่กินเลยอย่างฉับพลัน ก็อาจจะทำให้เกิดอาการหงุดหงิด หรืออารมณ์แปรปรวนได้ เนื่องจากน้ำตาลมีผลต่อการหลั่งสารโดพามีนในสมอง ซึ่งทำให้รู้สึกดี และเมื่อหยุดบริโภคน้ำตาล ร่างกายอาจเกิดอาการคล้ายการถอนสารเสพติด เช่น ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย และหงุดหงิด แต่อาการเหล่านี้มักเป็นแค่เพียงชั่วคราว เพื่อเป็นการบรรเทาอาการ ควรลดการกินน้ำตาลแบบค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป และกินอาการที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย

แนะนำวิธีการลดการกินน้ำตาลในช่วงแรก
          หากต้องการลดการกินน้ำตาล หรือของหวาน สิ่งที่ต้องมีอย่างแรกเลยคือ เราต้องมีความตั้งใจ หากมีความตั้งใจแล้ว เราขอแนะนำ
          1. เริ่มสั่งหวานน้อย ขั้นแรกให้เราเริ่มจาก ลด และเลี่ยงน้ำอัดลม ลดความหวานลง ตัวอย่างเช่น หากเรากินชานมทุกวัน สั่งหวานปกติ (100%) หรือหวานมากกก (200%) เราอาจจะเริ่มจากการสั่ง หวานเหลือ 50% และลดลง เป็น 25% หรือ 0%
          2. เริ่มหัดอ่านฉลากให้เป็นนิสัย ในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ในแต่ละครั้ง ต้องเริ่มอ่านปริมาณน้ำตาลที่ระบุไว้ตรงผลิตภัณฑ์ และเราอาจจะพบว่า โหหห !! ที่เรากินอยู่น้ำตาลเยอะขนาดนี้เลยหรอ หรือให้มองหาที่มีสัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพ ก็จะทำให้เราเกิดการเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์
          3. เริ่มเลือกกินผลไม้ที่มีรสหวานน้อย เช่น แคนตาลูป ฝรั่ง ส้มเขียวหวาน แก้วมังกร แอปเปิล หรือเบอร์รี่ต่าง ๆ

          ในการลดน้ำตาลเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก หากเราเป็นคนหนึ่งที่ติดหวานมากอยู่แล้ว ดังนั้นจะต้องมีวินัยอย่างมาก ในการลดกินหวาน และต้องทำอย่างต่อเนื่อง เพียงแค่ 21 วัน เท่านั้นเราก็จะสามารถปรับพฤติกรรมการกินได้ ดังนั้นเรามาเริ่มทำชาเลนจ์ลดการกินหวานใน 21 วัน กับตัวเอง เพื่อรูปร่างที่ดี สุภาพที่แข็งแรง ห่างไกลความเสี่ยงในการเกิดโรค NCDs กันนะคะ

ThaiSook เพื่อคนไทยสุขภาพดี มีความสุข

อ้างอิง
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สืบค้นจาก กินหวานมากไป ส่งผลอะไรกับร่างกายบ้าง
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สืบค้นจาก ติดหวานเลิกได้ ปรับพฤติกรรมการกินอย่างไรให้อ่อนหวาน
กองส่งเสริมความรอบรู้และสื่อสารสุขภาพ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข สืบค้นจาก ลดหวาน ลด NCDs
สำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข สืบค้นจาก อันตรายจากการติด “หวาน” นอกจากโรคเบาหวาน
Healthline สืบค้นจาก Sugar Detox Symptoms
MedicalNewsToday สืบค้นจาก What to know about sugar detox symptoms