กินอาหารอะไร ก่อน ระหว่าง และหลังออกกำลัง

ThaiSook I 2566      ปัจจุบันคนส่วนใหญ่ให้ความสนใจกับการออกกำลังกายอย่างมาก แต่ความสำคัญของโภชนาการในการรับประทานอาหารก็ไม่ควรละเลยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายหนัก หรือเบา ก็ควรคำนึงถึงโภชนาการอาหาร หากขาดสารอาหารหรือได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอ จะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของการออกกำลังกาย ทำให้การเผาผลาญพลังงานลดลง และอาจทำให้เกิดอาการล้าหรือหน้ามืดเป็นลมได้ ดังนั้น ดังนั้นแอดมินจะมาแนะนำเกี่ยวกับการกินอาหารในสามช่วงการออกกำลังกายคือ ก่อน ระหว่าง และหลังเพื่อให้ทุกคนนำไปปรับใช้กัน ก่อนออกกำลังกาย      ก่อนออกกำลังกายควรเลือกกินอาหารที่มีสัดส่วนคาร์โบไฮเดรตสูง โปรตีนปานกลาง แต่ไขมันต่ำ  เพราะคาร์โบไฮเดรตสามารถย่อย และนำมาเป็นพลังงานได้อย่างรวดเร็ว อาหารที่ควรเลือกกินก่อนออกกำลังกาย เช่น กล้วย แอปเปิล ขนมปังโฮลวีต เป็นต้น และควรรับประทานก่อนออกกำลังกาย 3-4 ชั่วโมง การรับประทานก่อนออกกำลังกายยังช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อ ป้องกันกล้ามเนื้อฉีก และทำให้ออกกำลังกายได้นานขึ้น      สำหรับโปรตีนและไขมันนั้น ต้องใช้พลังงานบางส่วนในการย่อยและดูดซึม ซึ่งใช้เวลามาก หากคุณกินอาหารมากเกินไปก่อนออกกำลังกาย อาจทำให้การออกกำลังกายมีประสิทธิภาพลดลง อ่อนเพลีย หรือท้องไส้ปั่นป่วน และอีกสิ่งหนึ่งที่ควรหลีกเลี่ยง คือการรับประทานผักมากๆ ก่อนออกกำลังกาย เพราะเส้นใยอาหารในผักจะช่วยชะลอการย่อยและการดูดซึม จะทำให้ประสิทธิภาพการกีฬาลดลงอีกด้วย ระหว่างออกกำลังกาย      ไม่ควรรับประทานอะไร เพราะจะทำให้เกิดอาการจุกท้องหรือปวดท้อง แค่จิบน้ำบ้างเป็นครั้งคราวก็พอแล้ว หลังออกกำลังกาย      พักเหนื่อยสักพัก ถ้ารู้สึกหิวในช่วงระหว่าง 1 … Read more

การออกกำลังกาย 3 ประเภท ที่ช่วยเพิ่มสุขภาพหัวใจ

ThaiSook I 2566 การออกกำลังกายเป็นก้าวสำคัญสู่สุขภาพหัวใจที่ดี เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อหัวใจ ควบคุมน้ำหนักและป้องกันความเสียหายของหลอดเลือดแดงจากคอเลสเตอรอลสูง น้ำตาลในเลือดสูง และความดันโลหิตสูงที่อาจนำไปสู่อาการหัวใจวายหรือโรคหลอดเลือดสมอง นอกจากนี้ต้องออกกำลังกายประเภทต่างๆ ด้วยเพื่อให้มีความสมบูรณ์ของร่างกาย “การออกกำลังกายแบบแอโรบิคและการฝึกด้วยแรงต้านเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับสุขภาพของหัวใจ” ออกกำลังกายแบบแอโรบิค ให้ประโยชน์อะไรบ้าง:  การออกกำลังกายแบบแอโรบิกช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิต ซึ่งส่งผลให้ความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจลดลง ระยะเวลาที่ควรออก :  ตามหลักการแล้ว อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน อย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์ ตัวอย่าง :  เดินเร็ว วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เล่นเทนนิส และกระโดดเชือก การออกกำลังกายแบบแอโรบิคที่ทำให้หัวใจเต้นแรงเป็นจังหวะ ดังนั้นแพทย์แนะนำให้ทำกิจกรรมระดับปานกลางอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ การฝึกด้วยแรงต้าน ให้ประโยชน์อะไรบ้าง:  การฝึกด้วยแรงต้านมีผลเฉพาะเจาะจงมากขึ้นอยู่กับองค์ประกอบของร่างกาย Stewart กล่าวว่า สำหรับผู้ที่มีไขมันในร่างกายจำนวนมาก (รวมถึงพุงที่ใหญ่ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจ) จะสามารถช่วยลดไขมันและสร้างมวลกล้ามเนื้อให้เล็กลงได้ จากงานวิจัยจะแสดงให้เห็นว่า การผสมผสานระหว่างการออกกำลังกายแบบแอโรบิคและการออกแรงต้าน อาจช่วยเพิ่มคอเลสเตอรอล HDL (ดี) และลดคอเลสเตอรอล LDL (ไม่ดี) ระยะเวลาที่ควรออก :  การฝึกความต้านทานอย่างน้อยสองวัน … Read more

เคล็ดลับ ปั่นจักรยานยังไงให้น้ำหนักลด

ThaiSook I 2566 การปั่นจักรยานเป็นกิจกรรมที่สามารถทำได้ง่ายๆ ทุกวัน และเหมาะสำหรับทุกเพศและวัย ไม่เพียงแต่ช่วยในการลดน้ำหนัก แต่ยังสร้างประสบการณ์ที่สนุกสนานและสุขภาพที่ดี เคล็ดลับการปั่นจักรยาน จาก สสส. : หากให้ได้ผลในการลดน้ำหนัก ควรถีบจักรยานให้ต่อเนื่อง 90 นาที / ครั้ง ที่ความเร็ว 24 กิโลเมตร / ชั่วโมง 3-5 วันต่อสัปดาห์ ประโยชน์ของการปั่นจักรยาน สำหรับผู้เริ่มต้น การปั่นจักรยานเป็นกิจกรรมที่ดีทั้งในเรื่องการออกกำลังกายและสุขภาพ การเริ่มต้นในการปั่นจักรยานควรปฏิบัติตามขั้นตอนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย การปั่นจักรยานเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพทั้งกล้ามเนื้อ และระบบหัวใจ-หลอดเลือด  ควรทำอย่างนี้อย่างสม่ำเสมอเพื่อสุขภาพที่ดี *อัตราการเต้นหัวใจเป้าหมาย (Target Heart Rate) คือ การเต้นของหัวใจ ที่เราคาดหวังจะให้อยู่ในระดับต่างๆ ในการฝึกซ้อม ซึ่งต้องคำนวณจากอายุ อัตราการเต้นของหัวใจปกติ และน้ำหนัก และปัจจัยอื่นๆ อ้างอิง ThaiSook I 2566

ประโยชน์ของโยคะ

ThaiSook I 2566 โยคะเป็นศาสตร์การแพทย์ทางเลือกแขนงหนึ่ง จัดเป็นศาสตร์การดูแลสุขภาพ แบบองค์รวม ซึ่งรวมกายกับใจของผู้ฝึกเข้าด้วยกัน โดยเทคนิคการฝึกโยคะนั้นจะให้ความสำคัญในการช่วยให้เรารู้จักสาเหตุที่ทำให้ขาดสมดุล ที่จะทำให้เกิดการเจ็บป่วย และจะช่วยปรับให้หายเป็นปกติ ดังนั้นโยคะจึงเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่งที่ช่วยพัฒนาด้านจิต ร่างกาย และการบำบัดรักษาไปพร้อมๆกัน โยคะเป็นการออกกำลังกาย และฝึกสมาธิที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ รวมไปถึงคนที่เจ็บป่วยหรือพักฟื้นจากการผ่าตัด หรือมีอาการป่วยเรื้อรัง โยคะอาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการช่วยรักษา เนื่องจากการเล่นโยคะอาจจะช่วยเร่งการรักษาให้หายได้เร็วขึ้น ช่วยให้มีสมาธิมากขึ้น ลดความเครียด และช่วยให้การนอนหลับมีคุณภาพดีขึ้น เพราะโยคะไม่เพียงแค่เป็นการออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการฝึกสมาธิ เกิดการผ่อนคลายที่ช่วยให้คุณมีความสุข และความสงบในใจมากขึ้น โยคะจึงเป็นศาสตร์โบราณที่มีความสำคัญในยุคปัจจุบัน 1. โยคะช่วยเพิ่มความแข็งแรง ความสมดุล และความยืดหยุ่น  การเคลื่อนไหวช้าๆ และการหายใจลึกๆ ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด และทำให้การทำงานของร่างกายในส่วนต่างๆ ดีขึ้น 2. โยคะช่วยบรรเทาอาการปวดหลัง  การเล่นโยคะดีเทียบเท่ากับการยืดกล้ามเนื้อขั้นพื้นฐานเพื่อลดอาการปวดของร่าง และยังช่วยบรรเทาอาการปวดหลังส่วนล่างได้ นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญยังแนะนำให้เล่นโยคะเป็นการรักษาเบื้องต้นสำหรับแก้อาการปวดหลังส่วนล่างเรื้อรัง 3. โยคะสามารถบรรเทาอาการข้ออักเสบได้  จากงานวิจัยการเล่นโยคะแบบอ่อนโยนนั้นสามารถบรรเทาอาการเจ็บข้อต่อที่อ่อนและบวมสำหรับผู้ที่เป็นโรคข้ออักเสบ 4. โยคะมีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ  การฝึกโยคะเป็นประจำอาจช่วยลดระดับความเครียด และลดการอักเสบในส่วนต่างๆ ของร่างกาย ส่งผลให้หัวใจแข็งแรงขึ้น ปัจจัยหลายอย่างที่ก่อให้เกิดโรคหัวใจ เช่น ความดันโลหิตสูงและน้ำหนักเกิน นั้นสามารถแก้ไขได้ด้วยการฝึกโยคะ 5. โยคะช่วยผ่อนคลายให้คุณหลับสบายขึ้น  … Read more

เพิ่มกล้ามเนื้ออย่างปลอดภัย ไม่เจ็บ และดีต่อสุขภาพ

ThaiSook I 2566 กล้ามเนื้อเป็นส่วนหนึ่งในร่างกายที่มีหน้าที่ในการช่วยออกแรงในการเคลื่อนไหว ความมั่นคง และการปรับเปลี่ยนท่าทาง รวมไปถึงปกป้องอวัยวะภายใน เนื่องจากกล้ามเนื้อนั้นจะสร้างความร้อนระหว่างการหดตัว ช่วยควบคุมอุณหภูมิของร่างกายได้เช่นกัน ยิ่งกล้ามเนื้อมีความยืดหยุ่นและความแข็งแรง ยิ่งจะช่วยให้เราสามารถเคลื่อนไหว และทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังนั้นการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ และฝึกความแข็งแรงมีความสำคัญต่อการรักษาสุขภาพและความแข็งแรงของกล้ามเนื้ออย่างมาก การออกกำลังกายจะช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อ เพิ่มความอดทน และเพิ่มสมรรถภาพทางกายโดยรวม รวมถึงโภชนาการที่เหมาะสม ปริมาณโปรตีนที่เพียงพอ ก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโต และซ่อมแซมกล้ามเนื้อเช่นกัน ในปัจจุบันคนเราจึงสนใจการออกกำลังกายเสริมสร้างกล้ามเนื้อกันมากขึ้น แต่จะให้เกิดประโยชน์นั้นจะต้องทำอย่างถูกต้องและปลอดภัยไม่ทำให้เกิดการบาดเจ็บตามมา บอดี้เวท (Body Weight) หรือ Weight Training exercise คือ การออกกำลังกายที่เน้นการเสริมแขน ขา ท้อง และกล้ามเนื้อต่าง ๆ ของร่างกาย โดยใช้แรงของน้ำหนักจากอุปกรณ์ต่างๆ หรืออาจใช้น้ำหนักของร่างกายตัวเองก็ได้ในการเพิ่มแรงต้านทานให้กับกล้ามเนื้อ และเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพวิธีหนึ่งในการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ วิธีนี้มักเรียกว่า “บอดี้เวท” หรือ “เวทเทรนนิ่ง” โดยท่าออกกำลังกายฝึกกล้ามเนื้อแบบบอดี้เวทที่ช่วยเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ประกอบด้วย ฝึกกล้ามเนื้อแขนหลัง (Tricep Dip), สควอท (Squat), บริหารหน้าท้อง (Crunch), บริหารไหล่และขา (Shoulder press … Read more

การนับคาร์โบไฮเดรต เทคนิคง่ายๆ ในการลดน้ำหนัก

ThaiSook I 2566 ทำไมต้องนับคาร์โบไฮเดรต? การนับคาร์โบไฮเดรต (carbohydrate) เป็นสิ่งที่สำคัญในการควบคุมอาหารและสุขภาพ เพราะคาร์โบไฮเดรตเป็นแหล่งพลังงานหลักของร่างกาย ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการทำงานของระบบประสาทส่วนกลางและกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ยังมีประโยชน์อื่นๆ ดังนี้: การนับคาร์โบไฮเดรตช่วยให้คุณมีการควบคุม และวางแผนการบริโภคอาหารที่เหมาะสม แต่ควรศึกษาข้อมูลและคำแนะนำอื่นๆ เช่น ความต้องการพลังงานส่วนบุคคล ความสมดุลของอาหารในมื้อ และความต้องการทางสุขภาพส่วนตัวในการกำหนดปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่เหมาะสมสำหรับคุณเอง วิธีการนับคาร์บ เวลานับคาร์โบไฮเดรตจะนับเป็บ “คาร์บ” โดย 15 กรัม คาร์โบไฮเดรต = 1 คาร์บ ทั้งนี้อาหารที่คาร์โบไฮเดรตเท่ากัน สามารถแลกเปลี่ยนกันได้ในปริมาณ 1 ต่อ 1 คาร์บ ปริมาณ 15 กรัม ของคาร์โบไฮเดรต หรือ 1 คาร์บ หมายถึง ข้าวแป้ง อาหาร ปริมาณ ผลไม้ อาหาร ปริมาณ นม อาหาร ปริมาณ ผัก อาหาร ปริมาณ อ้างอิง … Read more

คาร์โบไฮเดรตกินยังไง ให้มีประโยชน์

ThaiSook I 2566 คาร์โบไฮเดรตคืออะไร? คาร์โบไฮเดรต หรือ คาร์โบไฮเดรต เป็นโมเลกุลของน้ำตาล นอกจากโปรตีนและไขมัน แล้วคาร์โบไฮเดรตยังเป็นสารอาหารหลัก 1 ใน 3 ชนิดที่พบในอาหารและเครื่องดื่มอีกด้วย เมื่อร่างกายทำการย่อยคาร์โบไฮเดรตเป็นกลูโคสเพื่อดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด เพื่อเป็นพลังงานหลักสำหรับเซลล์ เนื้อเยื่อ และอวัยวะในร่างกาย ส่วนที่เหลือจากการใช้งานต่าง ๆ จะถูกเก็บไว้ในตับและกล้ามเนื้อเพื่อใช้ในภายหลัง คาร์โบไฮเดรตประเภทต่างๆ มีอะไรบ้าง? คาร์โบไฮเดรตมีสามประเภทหลัก: อาหารประเภทไหนที่มีคาร์โบไฮเดรต?อาหารทั่วไปที่มีคาร์โบไฮเดรต ได้แก่ : อาหารบางชนิดมีคาร์โบไฮเดรตไม่มากนัก เช่น เนื้อ ปลา สัตว์ปีก ชีสบางชนิด ถั่ว และน้ำมัน อ้างอิง ThaiSook I 2566

NCDs คืออะไร?

ThaiSook I 2566 โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือเรียกย่อว่า NCD (Non-communicable disease, NCD) คือ กลุ่มโรคที่ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรคจึงทำให้ไม่สามารถแพร่กระจายจากบุคคลหนึ่งไปอีกบุคคลหนึ่งได้ ซึ่งโรค NCDs นั้นเกิดจากปัจจัยเสี่ยงที่มาจากพฤติกรรมการดำเนินชีวิตที่ไม่เหมาะสมต่างๆ เป็นหลัก เช่น การดื่มสุรา การสูบบุหรี่ การรับประทานอาหารหวาน มัน เค็ม และการออกกำลังกายที่ไม่เพียงพอ ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยา ได้แก่ ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง น้ำตาลในเลือดสูง ภาวะน้ำหนักเกิน และอ้วน ที่นำไปสู่การเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องหรือไม่ได้รับการดูแลรักษา จะยิ่งทำให้อาการรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และเกิดการสะสมจนเป็นโรคเรื้อรังได้ องค์การอนามัยโลก (WHO) สถิติผู้เสียชีวิตจากกลุ่มโรค NCDs ในปี พ.ศ. 2552 พบว่าสาเหตุการเสียชีวิตของประชากรโลกทั้งหมด มีถึง 63% ที่เกิดจากกลุ่มโรค NCDs และที่สำคัญกว่านั้นคือ กว่า 80% เป็นประชากรของประเทศที่กำลังพัฒนา ประเทศไทย จากสถิติล่าสุดพบว่ามี 14 ล้านคนที่เป็นโรค ในกลุ่มโรค NCDs … Read more

ออกกำลังกายง่ายๆ ด้วย “ท่าสควอช”

ThaiSook I 2566 ท่าสควอช (Squat) เป็นการออกกำลังกายที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างกล้ามเนื้อขา กล้ามเนื้อหลังขา ข้อเข่า และกล้ามเนื้อบริเวณลำตัวด้านล่าง ซึ่งการฝึกท่าสควอชอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น วิธีการทำท่าสควอช: ประโยชน์ของการทำ ท่าสควอช อ้างอิง ThaiSook I 2566

การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ (Cardio)

ThaiSook I 2566 การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ (Cardio), หรือเรียกอีกชื่อว่า Aerobic Training, เป็นการออกกำลังกายที่เน้นการเคลื่อนไหวของร่างกายอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอในระยะเวลาหนึ่งๆ โดยมีความเข้มข้นในระดับต่ำถึงปานกลาง เช่น เดินเร็ว, วิ่ง, ปั่นจักรยาน, ว่ายน้ำ และเต้นแอโรบิก เมื่อออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ หัวใจจะทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือดไปยังกล้ามเนื้อต่างๆ ที่กำลังออกกำลังกาย การออกกำลังกายแบบนี้ทำให้ร่างกายต้องการออกซิเจนมากขึ้น โดยการออกกำลังกายคาร์ดิโออย่างสม่ำเสมอจะส่งผลให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น หัวใจแข็งแรง และเผาผลาญพลังงานและไขมันอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การออกกำลังแบบคาร์ดิโอ แบ่งออกเป็นได้ 2 ประเภท คือ 1. การออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกต่ำ (Lower Impact Cardio Exercise) การออกกำลังกายที่ไม่ก่อให้เกิดการกระทบหรือแรงกระแทกสูงต่อร่างกาย ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหรือข้อจำกัดในการรับแรงกระแทก เช่น ผู้ที่มีปัญหาข้อเข่าหรือข้อสะโพกบอด หรือผู้สูงอายุที่ต้องการการออกกำลังกาย ตัวอย่างของการออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกต่ำ : 2.การออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกสูงขึ้น (Higher Impact Cardio Exercise) การออกกำลังกายที่เน้นการกระทบหรือแรงกระแทกสูงต่อร่างกาย เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความทนทานของร่างกาย อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังและปรับแต่งการออกกำลังกายให้เหมาะสมกับร่างกายและระดับความพร้อมส่วนตัว ตัวอย่างของการออกกำลังกายแบบแรงกระแทกสูงได้แก่: อ้างอิง ThaiSook I 2566